Featured image 1
13
Jul

ตู้คอนเทนเนอร์มีประโยชน์อย่างไร และมีแบบไหนบ้าง

 

ตู้คอนเทนเนอร์มีประโยชน์อย่างไร และมีแบบไหนบ้าง

 

            ตู้คอนเทนเนอร์ คือหัวใจสำคัญของการขนส่ง โดยมีให้เลือกใช้งานกันหลายขนาดและความจุ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกได้อย่างเหมาะสมกับการขนส่งสินค้าของตัวเอง สำหรับใครที่อาจจะมีข้อสงสัยว่าตู้คอนเทนเนอร์มีกี่แบบและมีประโยชน์อย่างไรกับระบบโลจิสติกส์ เราจะมาไขข้อสงสัยกันในบทความนี้

 

          ประโยชน์ของตู้คอนเทนเนอร์

1. ตู้คอนเทนเนอร์มีมากมายหลายแบบหลายขนาดช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน เพราะสินค้าที่จะขนส่งในแต่ละตู้นั้นก็แตกต่างกันออกไปทั้งชนิด น้ำหนัก ขนาด เช่นสินค้าบางอย่างอาจต้องใช้ตู้คอนเทนเนอร์ที่มีห้องเย็น หรือ สามารถป้องกันสารเคมีรั่วไหลได้เป็นต้น

2. มีความสะดวกสบายในการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งทางบกหรือทางน้ำ เนื่องจากตู้คอนเทนเนอร์จะมีการระบุข้อมูลทั้งของตัวตู้และสินค้า มีหมายเลขกำกับเอาไว้เพื่อให้สามารถติดตามและตรวจสอบรวมถึงแยกประเภทได้ง่าย

3. มีความปลอดภัยเนื่องจากการจะเปิดตู้หรือเคลื่อนย้ายจะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบเสียก่อน ช่วยให้ผู้ประกอบการมั่นใจว่าสินค้าจะส่งถึงปลายทางและผู้รับตามที่ระบุเอาไว้เท่านั้น

4. การขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ช่วยให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสมสามารถเลือกได้ว่าจะเหมาตู้หรือแชร์พื้นที่ของตู้ร่วมกับผู้อื่นๆ

5. ปัจจุบันนอกจากประโยชน์ด้านการขนส่งแล้วตู้คอนเทนเนอร์ยังถูกประยุกต์ใช้เพื่อเป็นสำนักงานหรือที่อยู่อาศัยได้ด้วย เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการก่อสร้างและยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานอีกด้วย

 

            ประเภทของตู้ตอนเทนเนอร์

1. Dry Container

            เริ่มต้นกันจาก Dry Container หรือตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐาน ถือว่าเป็นแบบที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย มีขนาดให้เลือกเยอะตามความต้องการ คุณภาพและความทนทานก็แตกต่างกันไป โดย Dry Container เหมาะกับการใช้ขนส่งสินค้าที่แห้งและไม่ต้องควบคุมอุณหภูมิ

2. Reefer Container

            ตรงข้ามกับแบบแรก Reefer Container เป็นตู้แบบควบคุมอุณหภูมิ ภายในติดตั้งระบบทำความเย็นที่ควบคุมและแสดงผลได้ เหมาะสำหรับการขนของสดและของที่ต้องดูแลคุณภาพเช่า อาหาร ยารักษาโรค เครื่องมือแพทย์ ซึ่งราคาจะค่อนข้างสูงกว่าคู้แบบมาตรฐาน

3. Open Top Container

            สำหรับ Open Top Container นั้นเป็นตู้คอนเทนเนอร์แบบเปิดหลังคานั่นเอง ออกแบบมาเพื่อการใช้งานเฉพาะสำหรับการขนส่งสินค้าที่มีความสูงมากกว่าปกติ ยกตัวอย่างเช่นยานพาหนะ ท่อขนาดต่างๆ เครื่องจักร เป็นต้น ต้นทุนต่อเที่ยวนั้นค่อนข้างสูงเพราะหนึ่งตู้อาจจะขนสินค้าได้ไม่มากนักและวางซ้อนกันไม่ได้

4. Flat-rack Container

            ต่อกันเลยกับ Flat-rack Container ลักษณะจะคล้ายๆ กับ Open Top Container แต่จะเปิดโล่งทั้งด้านบนและด้านข้าง ส่วนการใช้งานก็จะเน้นขนส่งสินค้าที่มีขนาดและความสูงมากกว่าสินค้าทั่วไป เช่น เครื่องจักร ยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือเครื่องมือก่อสร้าง

5. Ventilated Container

            Ventilated Container หรือตู้คอนเทนเนอร์แบบที่สามารถระบายอากาศได้ เหมาะกับการขนส่งสินค้าที่ต้องระวังเรื่องของไอน้ำละความชื้นแต่ไม่ต้องถึงกับควบคุมอุณหภูมิ ยกตัวอย่างเช่น พืชผลทางการเกษตร เมล็ดกาแฟ เป็นต้น

6. ISO Tank Container

            ตู้คอนเทนเนอร์แบบสุดท้ายคือ ISO Tank Container หรือตู้สำหรับขนส่งของเหลว ซึ่งลักษณะและการใช้งานจะแตกต่างกับบอื่นตรงที่มีโครงสร้างสำหรับซ้อนทับกันได้ตัวตู้ออกแบบมาเพื่อใช้ในการบรรจุและขนส่งของเหลวประเภทต่างๆ โดยเฉพาะ

 

            จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นว่าตู้คอนเทนเนอร์นั้นมีมากมายหลายแบบและยังมีขนาดที่แตกต่างกันออกไปด้วย การจะเลือกแบบไหนใช้งานก็ขึ้นอยู่กับประเภท น้ำหนัก และขนาดของสินค้าเป็นหลัก ซึ่งการเลือกตู้คอนเทนเนอร์ที่เหมาะสมจะช่วยให้การขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตามต้องการอีกด้วย

ติดต่อเรา

สมัครรับข้อมูลของเราเพิ่มเติม และติดตามข่าวสารใหม่ ๆ ได้ก่อนใคร เพียงกรอกอีเมลได้แล้ววันนี้